เพราะ “โลหะ” ไม่ได้หมายถึงแค่วัสดุที่เป็น “เหล็ก” เสมอไป วันนี้ prosupply จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของวัสดุโลหะกันแบบจุดต่อจุด โดยในโลกอุตสาหกรรมวัสดุอย่างโลหะนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ โลหะกลุ่มเหล็ก (ferrous metals) และโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (non-ferrous metals) โดยทั้งสองกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องของคุณสมบัติ ความแข็งแรงทนทาน ส่วนผสมของเนื้อวัสดุ และความสามารถในการนำไปแปรรูปโลหะ
โลหะ 2 ประเภท แตกต่างกันอย่างไร
โลหะกลุ่มเหล็ก (ferrous metals)

สำหรับโลหะกลุ่มเหล็ก จะมีความสามารถในการดูดแม่เหล็กติด นำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี มีลักษณะเป็นของแข็งในอุณหภูมิห้อง เนื้อวัสดุส่วนใหญ่มีความทึบแสง แข็งแรง หักงอยาก โดยส่วนผสมหลักอาจมาจากเหล็กกล้า (Cast Iron) เหล็กหล่อ (Steel) หรือเหล็กผสม (Alloy Steel) โดยจะมีการเติมคาร์บอนลงไปในจำนวนปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันในแต่ละชนิดของเหล็ก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน แต่ก็แลกมากับความเปราะที่เพิ่มขึ้น
- เหล็กกล้า (Cast Iron) เป็นโลหะกลุ่มเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง เพราะปริมาณคาร์บอนที่เติมลงไปในเหล็กชนิดนี้จะอยู่ที่ 2% ไปจนถึง 4% ทำให้แข็งแรงแต่ก็มีความเปราะเช่นกัน การแปรรูปโลหะประเภทนี้จะต้องอาศัยวิธีการหล่อขึ้นรูป มักนิยมนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนของรถยนต์ อะไหล่อุปกรณ์ หรือเครื่องครัวอย่างหม้อ กระทะ เป็นต้น
- เหล็กหล่อ (Steel) เป็นโลหะกลุ่มเหล็กที่ผลิตมาจากเหล็กดิบสีเทา เป็นประเภทที่นิยมนำไปใช้งานเพราะมีคุณสมบัติคล้ายกับเหล็กกล้าในราคาที่ถูกกว่า นำไปขึ้นรูปง่ายกว่าเหล็กกล้าเพราะมีจุดเดือดต่ำ การใช้งานเหล็กหล่อจึงมีความหลากหลายเป็นที่ต้องการของตลาดงานก่อสร้างอาคาร ตลาดอะไหล่ยนต์ และตลาดสินค้าครัวเรือน เหล็กหล่อเป็นโลหะกลุ่มเหล็กมีความแข็งแรงแต่เปราะ เพราะเหล็กหล่อมักมีคาร์บอนผสมอยู่ที่ประมาณ 2% สามารถเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วยวิธีการนำไปอบชุบสังกะสี
- เหล็กผสม (Alloy Steel) จัดเป็นโลหะกลุ่มเหล็กที่มีคุณสมบัติพิเศษคือมีการผสมวัสดุประเภทอื่น ๆ ลงไปด้วยเพื่อลดจุดด้อยและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวัสดุในการนำไปใช้งาน เช่น นิกเกิล โครเมียม โดยโลหะสำคัญคือสแตนเลส สตีล ที่คิดค้นมาเพื่อเพิ่มความทนทาน ลดการกัดกร่อนเป็นสนิม มักพบในอุปกรณ์สำหรับใช้งานในครัว เช่น เครื่องครัว อ่างล้างจานอลูมิเนียม อุปกรณ์ไฟฟ้า ไปจนถึงอุปกรณ์ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (non-ferrous metals)

สำหรับโลหะนอกกลุ่มเหล็ก จะเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่เกิดสนิม น้ำหนักเบา แม่เหล็กดูดไม่ติด ดัดรูปทรงได้ง่ายสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น อลูมิเนียม ตะกั่ว ดีบุก ทองเหลือง ทองแดง สแตนเลส ฯลฯ โดยมีการนำไฟฟ้าและความร้อนในระดับที่ดีแตกต่างกัน พบเจอได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องครัว วงจรภายในเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดนตรี ข้อต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ก๊อกน้ำ ที่จับประตู ฯลฯ
- อลูมิเนียม (Aluminum) เป็นวัสดุโลหะนอกกลุ่มเหล็กที่มีความบาง น้ำหนักเบา ช่วยลดโอกาสในการแตกหัก รั่วซึม หรือร้าว เช่น กระป๋อง วัสดุในการก่อสร้างบ้านเรือน กรอบประตู รางน้ำ เป็นต้น
- ดีบุก (Tin) เป็นวัสดุโลหะนอกกลุ่มเหล็กที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ มีความอ่อนตัว นิยมนำไปใช้เคลือบเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานให้กับวัสดุโลหะประเภทอื่น ๆ เพื่อลดการเกิดสนิม หรือการกัดกร่อนที่เกิดจากสภาพอากาศ
- ทองเหลือง (Brass) เป็นวัสดุโลหะนอกกลุ่มเหล็กที่พบเห็นบ่อยในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เกิดจากการผสมระหว่างทองแดงและสังกะสี มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าและนำความร้อน ไม่เกิดสนิม มีความแข็งแรงทนทาน นิยมนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ข้อต่อ ก๊อกน้ำ อะไหล่อุปกรณ์ หรือเครื่องดนตรี
- ทองแดง (Copper) เป็นวัสดุโลหะนอกกลุ่มเหล็กสีแดงเนื้ออ่อนที่สามารถนำมาแปรรูปด้วยการดึง หรือรีดให้เป็นเส้นได้ มีคุณสมบัติในการนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดีมาก จึงนิยมพบในการนำไปทำเป็นวัสดุประกอบแผงวงจร ส่วนประกอบในสายไฟ สายเคเบิล มอเตอร์ ไดนาโม หรือกลุ่มเครื่องประดับบางชนิด
- สังกะสี (Zinc) เป็นโลหะนอกกลุ่มเหล็กที่มีความมันวาว จุดหลอมเหลวต่ำ สีเงิน แข็งแรงแต่มีความเปราะมาก จึงมักถูกนำไปประยุกต์ใช้เป็นตัวช่วยในการเคลือบเพื่อเพิ่มความทนทานให้กับวัสดุโลหะชนิดอื่น ๆ
โดยทั้ง 2 ประเภทของโลหะนี้เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มวัสดุที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันในการนำไปใช้งานไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมหรือในชีวิตประจำวัน เป็นวัสดุที่มีความต้องการในตลาดอุตสาหกรรมสูง เพียงแต่โลหะทั้ง 2 ประเภทนั้นมีข้อแตกต่างกันในเรื่องของการนำไปแปรรูปโดยโลหะกลุ่มเหล็กจะสามารถนำไปแปรรูปด้วยวิธีต่าง ๆ ได้มากกว่า เช่น การตัดเลเซอร์ การพับหรือเชื่อมโลหะ เป็นความรู้ดี ๆ ที่ Prosupply นำมาฝากเกี่ยวกับข้อแตกต่างเล็ก ๆ แต่ช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของโลหะอย่างชัดเจนมากขึ้น !
🖥️ Line Oa: @prosupply
☎️ Tel: 099-3232989, 086-3328847, 063-3636595
✉️ Email: [email protected]
📘 Facebook: Laser Cut Pro Supply