โลหะ ถือเป็นวัสดุอย่างหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยและรู้ว่าโลหะนั้นมีหลายประเภท รวมถึงมีประโยชน์ทั้งในด้านอุตสาหกรรมไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาทุกคนมาลงลึกกันไปอีกขั้นว่าแท้จริงแล้วโลหะนั้นคืออะไร แบ่งได้กี่ประเภท มีคุณสมบัติอย่างไรและประโยชน์ที่นำมาใช้งานในโลกอุตสาหกรรมนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
โลหะ คืออะไร
โลหะ (Metals) คือ วัสดุที่ประกอบจากธาตุโลหะที่มีคุณสมบัติในการนำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดี มีลักษณะเป็นของแข็งในอุณหภูมิห้อง คุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน และเป็นวัสดุที่มีความคงทนถาวร จึงนิยมนำมาทำเป็นวัสดุสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยประโยชน์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายมากกว่าวัสดุประเภทอื่น ๆ
คุณสมบัติเด่นของโลหะ มีอะไรบ้าง ?
- นำไฟฟ้าได้ในระดับดีเยี่ยม เพราะในโลหะมีอิเล็กตรอนอิสระจำนวนมาก ส่งผลให้นำความร้อนและกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่าย
- นำความร้อนได้ดี เพราะอิเล็กตรอนอิสระช่วยถ่ายเทพลังงานความร้อนได้อย่างรวดเร็ว
- มีความสะท้อนแสงมันวาว ขัดให้ขึ้นเงาได้
- มีความทนทานแข็งแรง สามารถรับแรงกดทับได้ดี
- มีความเหนียวและยืดหยุ่น ไม่ขาดง่าย
- สามารถทุบ รีด หรือตีเป็นแผ่นบาง ๆ ได้โดยไม่แตกหัก
- มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง

โลหะ มีกี่ประเภท
สำหรับโลหะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือโลหะกลุ่มเหล็ก และโลหะที่อยู่นอกกลุ่มเหล็ก โดยทั้งสองประเภทจะมีความแตกต่างกันที่ชัดเจนในเรื่องของส่วนประกอบหลักที่แตกต่างกัน และคุณสมบัติในการดูดติดกับแม่เหล็ก
1.โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous Metals)
เป็นโลหะที่มีส่วนผสมจากเหล็กเป็นหลัก มีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ตั้งแต่ 0.1% ไปจนถึง 4% โลหะกลุ่มเหล็กสังเกตได้ง่าย ๆ คือ มักมีการเกิดสนิมและสามารถดูดติดกับแม่เหล็กได้ โดยโลหะกลุ่มเหล็กจะแบ่งออกเป็น “เหล็กกล้า (Steel)” และ “เหล็กหล่อ (Cast Iron)”
- เหล็กกล้า (Steel): เป็นประเภทของโลหะที่นิยมนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากที่สุดเพราะเป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง มีคาร์บอนผสมอยู่ในระดับ 0.1-1.7% เช่น เครื่องมือช่าง ลวด กรรไกร ใบมีดโกน สกรู เป็นต้น
- เหล็กหล่อ (Cast Iron): เป็นประเภทของโลหะที่มีความแข็งแรงทนทานสูง เพราะมีค่าคาร์บอนผสมอยู่ในระดับ 2-4% แต่ก็ส่งผลให้เปราะ แตกหักง่ายมากยิ่งขึ้น ขึ้นรูปได้ด้วยวิธีการหล่อขึ้นรูป เช่น เครื่องครัว ชิ้นส่วนเครื่องจักร/รถยนต์ ฝาท่อระบายน้ำ เป็นต้น
2. โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-Ferrous Metals)
เป็นโลหะที่ไม่มีส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับเหล็กแต่อย่างใด ทำให้โลหะประเภทนี้ไม่สามารถดูดติดกับแม่เหล็กได้ และไม่เกิดสนิม ได้แก่
- ทองแดง (Copper) นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดี มีความทนทานต่อสภาพอากาศ มักเป็นสีน้ำตาลแดง สามารถตีเป็นแผ่นหรือเป็นเส้นได้ง่ายดาย มักพบในวัสดุประเภทสายไฟ สายเคเบิล หรืออุปกรณ์ต้นกำเนิดไฟฟ้า อุปกรณ์ในการนำส่งน้ำ และในการทำเครื่องประดับ
- อลูมิเนียม (Aluminum) มีน้ำหนักเบา สีเงินมันวาว นำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี ทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายเพราะเปลี่ยนรูปร่างได้ง่าย พบได้ทั้งในกลุ่มวัสดุการก่อสร้าง ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ หรือการขึ้นรูปเป็นเครื่องครัว หรืออุปกรณ์ในครัวเรือน
- สังกะสี (Zinc) เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงสูงแต่เปราะง่ายกว่าโลหะอื่น ๆ มักนำไปเคลือบโลหะเพื่อป้องกันการกัดกร่อนและการเกิดสนิม
- ทองเหลือง (Brass) เป็นโลหะผสมสัเหลืองทองที่ได้รับความนิยมสูงเพราะคุณสมบัติในการนำความร้อน นำไฟฟ้า และมีความแข็งแรงทนทาน อายุการใช้งานยืนยาว สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น เครื่องดนตรี ก๊อกน้ำ พาน ขัน ที่จับประตู และอุปกรณ์ในครัวเรือนต่าง ๆ

ประโยชน์ของโลหะในโลกอุตสาหกรรม
อย่างที่บอกว่าด้วยความที่โลหะมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน แต่ก็ยังสามารถนำไปตีให้เป็นแผ่น เป็นเส้นลวด หรือขึ้นรูปทรงอื่น ๆ ได้ด้วยความยืดหยุ่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละชนิดของโลหะ ทำให้โลหะมีความสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมทุกแขนง สามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลายและกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น
- อุตสาหกรรมการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างสะพาน ตึกอาคาร โครงสร้างโรงงาน โครงสร้างบ้านที่อยู่อาศัย ถนนเส้นทางสัญจร และอื่น ๆ
- อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง เช่น ส่วนประกอบภายในรถยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่ โครงสร้างเส้นทางคมนาคม หรือรถโดยสาร รถไฟ เรือ เครื่องบิน ฯลฯ
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์นำไฟฟ้า จากทองแดงที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าและความร้อนได้ดีเยี่ยม มีน้ำหนักเบา ความหนาแน่นน้อย ทนการกัดกร่อน
- อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและเครื่องมือ เช่น การนำเอาโลหะผสมกันหลายชนิด (alloy steel) เพื่อใช้ในการออกแบบและผลิตจักรกลในการทำงานในโรงงาน อุปกรณ์ที่ช่วยในการทุ่นแรงมนุษย์ หรือเตาปฏิกรณ์ในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะวัสดุทนทานต่อการสึกหรอ ใช้งานหนักได้ต่อเนื่อง มีความทนทานและแข็งแรง
- อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เหรียญกษาปณ์ หรือใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายต่าง ๆ (ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องอบ และเครื่องครัวต่าง ๆ จากวัสดุที่มีความทนทานแตกต่างกันตามความต้องการใช้งาน)
- อุตสาหกรรมการแพทย์ เช่น การผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ อุปกรณ์ผ่าตัดแบบสแตนเลสสตีล หรือไทเทเนียมสำหรับใช้งานทางการแพทย์ ไปจนถึงชิ้นส่วนที่สามารถฝังลงในร่างกายทดแทนอวัยวะได้โดยไม่ส่งผลกระทบทางชีวภาพ
เรียกได้ว่า “โลหะ” เป็นวัสดุที่มีความจำเป็นในทุกวงการอุตสาหกรรมเพราะประโยชน์ที่หลากหลาย และรองรับการนำไปใช้งานที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่นอกจากปัจจัยเหล่านี้ เรายังต้องเลือกใช้โลหะที่มีคุณภาพ มีการตัดโลหะที่เหมาะสมกับการใช้งาน ขอแนะนำบริการตัดโลหะแผ่นเรียบครบวงจรที่ Prosupply พร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างครบถ้วน เพราะ Prosupply เป็นตัวจริงด้านการให้บริการตัดเลเซอร์ พับ ม้วน เชื่อม ประกอบโลหะ พร้อมให้บริการหลังการขายที่คุณสามารถไว้วางใจได้
🖥️ Line Oa: @prosupply
☎️ Tel: 099-3232989, 086-3328847, 063-3636595
✉️ Email: [email protected]
📘 Facebook: Laser Cut Pro Supply